สูตร KC9 Kelly และการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพในการพนัน
คุณอาจไม่รู้ แต่การใช้สูตร Kellyเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่จะช่วยให้นักลงทุนบริหารจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนถึงปัจจุบัน ความรู้เกี่ยวกับการซื้อขายและทักษะการบริหารจัดการเงินทุนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการสร้างประสบการณ์
แล้วสูตร Kelly คืออะไรกันแน่? สูตรนี้มาจากไหน? จะใช้ Kelly ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร? มาเจาะลึกเรื่องนี้กันต่อ ด้วย kc9
การจัดการทุนคืออะไร?
การบริหารเงินเป็นเพียงการปรับการเดิมพันให้สอดคล้องกับแผนเงินทุนเพื่อช่วยให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในกิจกรรมการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง การบริหารเงินมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมการลงทุน เพราะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพโบนัสของผู้เล่น
คุณไม่สามารถเลือกลงทุนด้วยเงินทุนที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไปได้หากไม่มีวิธีการและแผนการเงินที่เฉพาะเจาะจง มิฉะนั้น คุณจะสูญเสียเงินได้ง่าย หรือแม้แต่ขาดทุนหนัก

ในการสร้างแผนการจัดการเงินทุนที่สมบูรณ์แบบ คุณต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรเงินทุน เช่น เงินทุนทั้งหมดที่สามารถลงทุนได้ในขณะนี้คือเท่าใด อัตราส่วนของการจัดสรรเงินทุนต่อพอร์ตการลงทุนเป็นเท่าใด หากมีกำไร แล้วจะลงทุนซ้ำอย่างไร ต้องฝากเงินกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะได้รับผลตอบแทน หรือต้องฝากเงินกี่เปอร์เซ็นต์เพื่อสำรองเงินทุน…
คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้ดีขึ้น เข้าใจการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ง่าย และบริหารจัดการเงินทุนของคุณได้ดีขึ้น
คุณอาจสนใจ: ถอนเงินจาก kc9 – คำแนะนำการถอนเงินที่รวดเร็วและเข้าใจง่าย
การวิเคราะห์โดยละเอียดของสูตรเคลลี่
สูตร Kelly คือคำตอบที่ช่วยให้นักลงทุนรู้วิธีวัดปริมาณและบริหารจัดการเงินของตนเองให้เหมาะสมที่สุดในแต่ละธุรกรรม วิธีนี้แสดงให้เห็นว่าคุณควรวางเงินเดิมพันเท่าใดตามเงินทุนของคุณ เพื่อเพิ่มเงินทุนให้สูงสุดในขณะที่ยังคงความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำ
เพื่อชี้แจงให้ชัดเจนก่อนอื่นเราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์และวิธีการใช้สูตร Kelly อย่างมีประสิทธิภาพในเนื้อหาต่อไปนี้:
ใครเป็นผู้สร้างสูตรเคลลี่?
สูตรเคลลีคิดค้นโดยจอห์น เคลลี จูเนียร์ อดีตวิศวกรที่ Bell Laboratories ของ AT&T ในช่วงเวลานี้ เขาได้สร้างวิธีการนี้ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ทางไกล
จากนั้นเขาจึงตระหนักว่าวิธีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมการลงทุนต่างๆ ได้ด้วย รวมถึงคาสิโนลอตเตอรี่และการแข่งม้า

นักลงทุนชื่อดังหลายราย เช่น Bill Gross, Warren Buffett และ Edward Thorp กลายมาเป็นศูนย์กลางความสนใจในตลาดการเงิน เมื่อนำสูตรของ Kelly มาใช้กับสนามรบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ และสร้างกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์
นับแต่นั้นมา สูตรของ Kelly ได้กลายเป็นเครื่องมือการจัดการทุนที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
สูตรเคลลี่ทำงานอย่างไร
สูตรของ Kelly ทำงานในลักษณะต่อไปนี้:
เคลลี่% = W – [(1 – W) / R]
ความหมายของตัวบ่งชี้ :
- W หมายถึงอัตราการชนะ (ความน่าจะเป็นตรง / จำนวนการซื้อขายทั้งหมด)
- R หมายถึงอัตราส่วนกำไร/ความเสี่ยง
ตัวอย่างเช่น ในการเทรดครั้งล่าสุดของคุณ คุณเทรดไปทั้งหมด 20+ ครั้ง ซึ่ง 10 ครั้งประสบความสำเร็จและทำกำไรได้ อัตราการชนะ (W) ของคุณคือ: 10/20 = 0.5 หมายความว่าการเทรดที่ชนะแต่ละครั้งจะทำให้คุณได้กำไร 150 pips และการเทรดที่แพ้แต่ละครั้งจะทำให้คุณขาดทุนเฉลี่ยประมาณ 90 pips ดังนั้น R ของคุณจะเป็น 150/90 = 1.6
คุณอาจสนใจ: สมัครสมาชิก kc9 – คำแนะนำการสร้างบัญชีสมาชิกแบบเข้าใจง่าย
เมื่อนำค่า R และ W ไปใช้กับสูตร Kelly จะได้ Kelly = 0.5 – [(1 – 0.5) / 1.6] = 0.1875 เทียบเท่ากับ 18.75%
วิธีการพิจารณาค่า R และ W อย่างรวดเร็ว
ในการหาค่า R คุณสามารถหาค่า R ได้จากจำนวนเงินหรือจำนวน pip ของกำไรที่ได้จากการเทรดที่ประสบความสำเร็จ แล้วหารด้วยจำนวนการเทรดที่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกัน ให้คำนวณจำนวนเงินหรือ pip ที่เสียไปจากการเทรดที่ขาดทุน จากนั้นนำค่าเฉลี่ยของตัวเลขสองตัวที่คุณคำนวณได้ไปคำนวณค่า R

ในการคำนวณค่า W คุณต้องรวมจำนวนธุรกรรมทั้งหมดในประวัติล่าสุด จำนวนธุรกรรมสามารถคำนวณตามกรอบเวลา เช่น เดือน ปี ไตรมาส หรือตามกรอบเวลาที่คุณต้องการ โดยการจำแนกจำนวนธุรกรรมที่สำเร็จและล้มเหลว คุณสามารถคำนวณค่า W ได้
วิธีการใช้ผลลัพธ์ของสูตร Kelly
เมื่อคุณคำนวณผลลัพธ์จากสูตรข้างต้นแล้ว คุณต้องใส่ใจกับอัตราส่วนเคลลี่ ซึ่งต้องน้อยกว่า 1 เสมอ หากมากกว่า 1 แสดงว่าคุณกำลังใช้สูตรไม่ถูกต้อง อัตราส่วนเคลลี่จะบอกคุณว่าคุณควรเดิมพันเท่าใดเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด
นอกจากนี้ ดัชนี K% ยังสนับสนุนนักลงทุนในการกระจายพอร์ตการลงทุนและจัดสรรเงินทุนให้เหมาะสมสำหรับแต่ละประเภทของธุรกรรม คู่สกุลเงินหรือหุ้น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าตัวบ่งชี้ตัวนี้ไม่สามารถคาดการณ์ผลกำไรของคู่สกุลเงินได้ และไม่สามารถคาดการณ์ความผันผวนของราคาที่ไม่คาดคิดในตลาดได้
คุณอาจสนใจ: ดาวน์โหลดแอป kc9 – เดิมพันสะดวกบนอุปกรณ์ iOS และ Android
ความสำคัญของสูตรเคลลี่
อัตราส่วนเคลลี่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดสัดส่วนและจำนวนเงินทุนที่จะจัดสรรให้กับการซื้อขายแต่ละครั้ง การใช้สูตรนี้อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มผลกำไรสูงสุดเมื่อชนะ และลดการขาดทุนให้น้อยที่สุดเมื่อขาดทุน นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังและอัตราส่วนเคลลี่อีกด้วย

- ค่า 1K ถือเป็นการเดิมพันสูงสุดที่ควรวางเพื่อเพิ่มผลกำไรในระยะยาว
- ระดับ 1/2K ถือเป็นเกณฑ์ความปลอดภัย ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในกรณีที่กำไรที่คาดหวังไม่ถึงระดับสูงสุด
- ค่าที่มากกว่า 1,000 อยู่ในโซนเสี่ยง ซึ่งคุณกำลังลงทุนมากเกินไป และศักยภาพกำไรที่แท้จริงของคุณอาจลดลง
- การเดิมพันใดๆ ที่เกิน 2,000 ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเดิมพันที่ควบคุมไม่ได้ การเทรดแบบ All-in ครั้งเดียวอาจทำให้บัญชีของคุณเสียหายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนของ Kelly จะใช้ได้เฉพาะเมื่อการซื้อขายล่าสุดของคุณมีอัตราการชนะ-แพ้เปลี่ยนแปลงไป
ในบางกรณี การใช้สูตร Kelly อาจไม่ได้ผลดีนัก ดังนั้นคุณไม่ควรใช้สูตรนี้มากเกินไป คุณจำเป็นต้องสรุปกรณีที่วิธีนี้ไม่ได้ผล เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
บทสรุป
แม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันผลกำไรจากการซื้อขายทุกครั้งได้ แต่สูตร Kellyก็ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจำกัดความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรให้สูงสุดในระยะยาว
นี่ไม่ใช่เครื่องมือเดียวในการบริหารจัดการเงินทุน แต่ถือเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในตลาด เพื่อประเมินความเหมาะสมและประสิทธิภาพ คุณควรนำสูตร Kelly ไปใช้กับบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้ในบัญชีจริง